สื่อต่างประเทศมีรายงานเกี่ยวกับแถลงการจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ โดยทรัมป์ได้มีการประกาศว่าอเมริกาจะไม่ทำธุรกิจใดๆกับทางยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei และยังมีการระงับระบบการออกใบอนุญาติสำหรับหรับบริษัทอเมริกาในการทำงานร่วมกันหัวเว่ย โดยทรัมป์ได้กล่าวว่า “เราจะไม่ทำธุรกิจใดๆกับหัวเว่ย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีการทำข้อตกลงการค้าใดๆซะเลยทีเดียว”
มีรายงานจาก Bloomberg ว่า กว่า 50 บริษัทอเมริกาได้มีการยื่นขอใบอนุญาติทำการค้ากับหัวเว่ย
ในระหว่างทีมีการแบน ซึ่งถึงตอนนี้ คำขอเหล่านั้นยังอยู่ในระว่างการรอการอนิมัติ อย่างไรก็ตาม คำประกาศนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการตอบโต้ต่อข่าวการหยุดซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ แม้หัวเว่ยจะไม่มีส่วนเกียวข้องอะไรกับเรื่องการซื้อขายสินค้าเกษตรก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าทรัมป์จะไช้ข้อได้เปรียบกรณีของหัวเว่ยในการงัดกับจีนในสงครามการค้านี้
เมื่อตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ อาคาร CBD คลาเรนซ์สตรีท พบศพหญิงสาว อายุ 21 ปี ถูกปาดคอเสียชีวิต ขณะหญิงสาวอีกคนอายุ 41 ปี ถูกแทงบาดเจ็บตอนนี้อากาศปลอดภัยอยู่โรงพยาบาล ตำรวจกำลังตรวจสอบว่า นาย Mert Ney วัย 21 ปี ผู้ต้องหาจากแบล็คทาวน์ทางตะวันตกของเมือง ได้หลบหนีมาจากสถาบันจิตเวชหรือไม่ เนื่องจากช่อง 7 ออสเตรเลียรายงานว่า พบยาใก้ลกับคนร้ายที่ระบุว่าเป็นยาที่ใช้ในรักษาอาการความวิตกกังวลที่เรียกว่า antinex
ตำรวจไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย และกล่าวว่าผู้โจมตีไม่ได้เชื่อมโยงกับองค์กรก่อการร้ายใด ๆ – แม้จะมีพยานที่รายงานว่าผู้โจมตีกำลังพึมพำคำขวัญทางศาสนาก็ตาม
อย่างไรก็ดี มิคฟุลเลอร์ผู้บัญชาการตำรวจ NSW กล่าวว่าพวกเขาพบข้อมูลเกี่ยวกับชายคนนั้นจากแท่ง USB ‘ซึ่งบอกว่าเขามีอุดมการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย’ ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป
สะเทือนขวัญโมร็อกโก เด็กหญิงวัยรุ่นสามคน ซึ่งเป็นอาสาสมัครสร้างถนนต้องหนีจากโมร็อกโก หลังจากครูท้องถิ่นบอกว่าเขาต้องการ “หัวตัด” พวกเธอเพราะใส่กางเกงขาสั้น สำนักข่าว thesun รายงาน ครูท้องถิ่นชาวมุสลิมรายหนึ่งถูกจับกุมหลังพูดจากเชิงข่มขู่ เด็กหญิง 3 คน ซึ่งเป็นอาสาสมัครสร้างถนน เพียงเพราะพวกเธอใส่กางเกงขาสั้น
ครูคนดังกล่าวโพสต์ในสื่อโซเชียลว่าหญิงสาว“ ไม่เคารพศรัทธาของชาวมุสลิม”
และบอกว่าเขาต้องการสอน “ บทเรียน” ให้พวกเธอ ด้วยการข่มขู่ว่าจะตัดหัวพวกเธอ ครูคลั่งศาสนาถูกจับกุมเมื่อวันจันทร์และจะถูกดำเนินคดีในข้อหา “การยั่วยุให้เกิดการก่อการร้าย” ตำรวจโมร็อกโกกล่าว
เด็กหญิงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหนุ่มสาวเกือบ 40 คนในโครงการอาสาสมัครภาคฤดูร้อนซึ่งดำเนินการโดยองค์กร Bouworde พวกเขายกเลิกค่ายทั้งหมดในโมร็อกโกทันทีหลังเหตุการณ์เขย่าขวัญนี้เกิดขึ้น
“เราได้รับคำแนะนำว่าอย่าส่งเด็กกลุ่มใหม่ไปยังโมร็อกโก เราทำตามคำแนะนำนี้ และตัดสินใจยกเลิกค่ายอาสาทั้งหมดในโมร็อกโก”
ทางการโมร็อกโกได้เสนอให้ส่งกลับอาสาสมัครที่รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ขณะนี้มีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้นที่เลือกออกจากประเทศ ทางการโมร็อกโกได้เสนอให้ส่งกลับอาสาสมัครที่รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ขณะนี้มีเพียงเด็กผู้หญิงสามคนเท่านั้นที่เลือกเดินทางออกจากประเทศ
คดีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาอย่างใหญ่หลวงในประเทศ ชาวมุสลิมด้วยกันไม่เห็นด้วยและโกรธแค้นต่อท่าทีครูชาวมุสลิมคนดังกล่าว อย่างไรก็ดี เด็ก ก็ได้พบมุมดี ๆ มากมายจากการมาเยือนโมร็อกโก ดูได้จากที่พวกเธอให้สัมภาษณ์
“คนที่นี่เป็นมิตรเสมอ พวกเขามักจะทักทายคุณ และถามว่าคุณเป็นอย่างไรบ้าง ชื่ออะไร”
“ฉันรักที่นี่จริง ๆ ฉันมีความสุขมากที่มาที่นี่ นี่เป็นประเทศที่น่ารักและทุกอย่างที่นี่เจ๋งมาก”
Aline อายุ 15 ปีจากเด็กหญิงอีกคนกล่าวในภาษาฝรั่งเศสว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยชาวโมร็อกโกและมันน่าสนใจมากที่เห็นความแตกต่างระหว่างเรากับพวกเขา”
“โมร็อกโกเป็นประเทศที่สวยงาม”
อย่างไรก็ตามนาย โบลโซนารู กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรงจากประชาชน และยังถูกคณะกรรมการวุฒิสภาตรวจสอบถึงการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตมากกว่า 5 แสนศพ
ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสามสร้างภูมิต้านทานได้มากกว่าเดิมถึง 5 ถึง 10 เท่า และเขาเชื่อว่าการฉีดวัคซีนเข็มสามในกลุ่มผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่จำเป็น
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง